ทำความรู้จักกับตัวเลข 6 : 6 :1 เป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงปริมาณที่ควรได้รับ ของกลุ่มเครื่องปรุงรส น้ำตาล น้ำมันและเกลือ (โซเดียม) ซึ่งปริมาณที่ถูกกำหนดให้บริโภคโดยการเติมในเมนูอาหารได้ตามปริมาณที่กำหนดไว้ เพื่อสุขภาพที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคโดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
กลุ่มที่ 1 น้ำตาล ควรได้รับไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม (โดยน้ำตาล 1 กรัมให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี) เป็นสารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานแต่ร่างกาย พบมากในเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว หรือแม้แต่การเติมปรุงรสลงในอาหารจานเดียว เช่น ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ เป็นต้น ถึงแม้จะมีข้อกำหนดในการได้รับน้ำตาลผู้บริโภคสามารถมีทางเลือกโดยการเลือกใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในรูปแบบต่างๆที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้ แต่ข้อควรคำนึงคือการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่ให้รสชาติที่หวานกว่าน้ำตาลปกติหลายเท่าอาจจะส่งผลให้ติดรสชาติความหวานนั้นได้
| ประเภทอาหาร/เครื่องดื่ม | ปริมาณอาหาร/เครื่องดื่ม | ปริมาณน้ำตาล | 
| น้ำอัดลม | 375 มล. | 9.5 ช้อนชา | 
| กาแฟเย็น | 20 ออนซ์ | 9 ช้อนชา | 
| ชานมไข่มุก | 16 ออนซ์ | 11 ช้อนชา | 
| นมเปรี้ยวขวดเล็ก | 1 ขวด | 3.5 ช้อนชา | 
| เครื่องดื่มชูกำลัง | 150 มล. | 7 ช้อนชา | 
| น้ำผลไม้ 100 % | 200 มล. | 4 ช้อนชา | 
| แตงโมกินรีเนื้อสีแดง | 8 ชิ้นคำ (170 กรัม) | 4.75 ช้อนชา | 
| ทุเรียนหมอนทอง | ½ เม็ดกลาง (40 กรัม) | 2.25 ช้อนชา | 
| มะม่วงสุก | ¼ ผลกลาง (65 กรัม) | 2.5 ช้อนชา | 
| ชนิดน้ำมัน | ประเภทอาหาร | 
| น้ำมันปาล์ม น้ำมันหมู | ทอด | 
| น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันคาโนลา น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด น้ำมันมะกอก | ผัด สลัด | 
| ประเภทอาหาร | ปริมาณอาหาร | ปริมาณน้ำมัน | 
| มันฝรั่งทอด | 20 ชิ้น | 3 ช้อนชา | 
| ปาท่องโก๋ตัวเล็ก | 1 ชิ้น | 1 ช้อนชา | 
| กะทิ | 1 ช้อนโต๊ะ | 1 ช้อนชา | 
| ถั่วลิสง | 1 ช้อนโต๊ะ | 1 ช้อนชา | 
| น้ำสลัด | 1 ช้อนโต๊ะ | 1 ช้อนชา | 
| โดนัด | 1 ชิ้น | 4.5 ช้อนชา | 
| เบคอนทอดกรอบ | 1 ชิ้น | 2 ช้อนชา | 
เทคนิคในการลดหวาน
- ชิมก่อนปรุงรสทุกครั้งก่อนเติมน้ำตาลลงในอาหารโดยเฉพาะอาหารจานจานด่วน
 - หลีกเลี่ยงการบริโภคขนมหวาน เครื่องดื่มรสหวานที่มีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบ หรือผลไม้ที่หวานจัด
 - อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในการบริโภค หรืออาจเลือกซื้อจากผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ เพื่อลดหวาน มัน เค็ม
 
กลุ่มที่ 2 น้ำมัน/ไขมัน ควรได้รับไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม (โดยน้ำมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี) เป็นสารที่ให้พลังงานสูงแก่ร่างกาย ช่วยดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ไขมันอิ่มตัว การบริโภคน้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันจากสัตว์รวมถึงไขมันทรานส์ ที่มากเกินไป จะทำให้เลี่ยงต่อภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือด การเลือกชนิดของน้ำมันมีผลต่อสุขภาพ ดังนั้นอาหารแต่ละชนิด ควรเลือกใช้ชนิดน้ำมันให้เหมาะสมกับประเภทอาหาร
เทคนิคในการลดมัน
- หลีกเลี่ยงอาหารอาหารทอดน้ำมันท่วม น้ำมันลอย
 - หลีกเลี่ยงอาหารหรือขนมหวานประเภทกะทิปรับเปลี่ยนมาใช้ นมจืดไขมันต่ำหรือกะทิธัญพืชทดแทน
 - ปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงประกอบอาหาร เช่น ต้ม ตุ๋น นึ่ง ย่าง หรือเลือกวัตถุดิบที่ใช้ที่ไขมันต่ำ
 - เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดหนัง มัน
 - อาหารตามธรรมชาติสามารถได้รับไขมันได้บางครั้งอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ควรเว้นระยะห่าง ความถี่ของการบริโภค
 
กลุ่มที่ 3 เกลือ ควรได้รับไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา 5 กรัม หรือปริมาณโซเดียม 2,000 มิลลิกรัม ความเค็มที่มาจากโซเดียมคลอไรด์ ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องปรุงรสแทบทุกชนิดที่ให้รสชาติเค็ม หรือแม้แต่วัตถุดิบธรรมชาติ ที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการปรุงรส แปรรูป ก็ยังมีพบว่ามีปริมาณโซเดียม หากได้รับมากเกินจะก่อให้เกิดผลเสียทำให้ความดันโลหิตสูง เพิ่มการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะมีผลต่อการทำงานของไตและหัวใจ ปริมาณของโซเดียมแฝงในอาหารเกือบทุกประเภทโดยเฉพาะ อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ อาหารกึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว
| ประเภทอาหาร | ปริมาณอาหาร | ปริมาณโซเดียม | 
| น้ำปลาแท้ | 1 ช้อนโต๊ะ | 1,300 มก. | 
| ซอสหอยนางรม | 1 ช้อนโต๊ะ | 518 มก. | 
| ซีอิ๊วขาว | 1 ช้อนโต๊ะ | 1,260 มก. | 
| ซอสมะเขือเทศ | 2 ช้อนโต๊ะ | 340 มก. | 
| ผงชูรส | 1 ช้อนชา | 600 มก. | 
| ซุปก้อน | 1 ก้อน (10 กรัม) | 2,600 มก. | 
| ปลาสลิดทอด | 100 กรัม | 1,694 มก. | 
| ไส้กรอกหมู | 100 กรัม | 680 มก. | 
| อาหารจานด่วนต่างๆ | 1 จาน | มากกว่า1,080 มก. | 
เทคนิคในการลดเค็ม
- ชิมก่อนปรุงทุกครั้ง ลดการเติมเครื่องปรุงรส เพราะในเครื่องปรุงรสเกือบทุกชนิดที่ปริมาณโซเดียมสูง
 - ลดการบริโภคอาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง อาหารกรุบกรอบ อาหารจานด่วน
 - ลดปริมาณของน้ำจิ้ม ซึ่งมีส่วนของโซเดียมที่สูงมาก และเรามักจะบริโภคในปริมาณที่เยอะ ทำให้ได้รับโซเดียมเกิน
 - ใช้สมุนไพรเพื่อแต่งรสและเพิ่มกลิ่นหอมของอาหาร เช่น มะนาว ขิง ข่า ตะไคร้ พริก หอมหัวใหญ่
 - เลือกผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสที่โซเดียมต่ำ เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวใช้โพแทสเซียมคลอไรด์แทน แต่ไม่เหมาะในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจหรือผู้ป่วยที่ต้องจำกัดปริมาณโพแทสเซียม